ความสำคัญของวัฒนธรรมกาแฟและบาริสต้าในออสเตรเลีย
นั่นมันอดีต
4 .เหตุผลที่คนอยากเป็นบาริสต้า(ไม่)
ควรพิจารณาตัวเลือกสถาบันในออสเตรเลีย
1. ความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมกาแฟ
เรื่องนี้ไม่จริง
ขอความที่กล่าวมาข้างต้นมีเหตุผลบางส่วนที่ไม่เกี่ยวกับงานบริการที่เราจะต้องไปชงกาแฟให้ลูกค้ากิน ในการลองงานเพื่อรับพนักงานเข้าเป็นบาริสต้าประจำร้านนั้น จะพิจารณาจากประสบการณ์ และ Performance ในการ handle หน้างานตอนยุ่งๆ เนื่องจากที่ออสเตรเลียเป็นศูนย์รวมของบาริสต้าระดับโลกและประเทศหลายคนจึงยึดที่ฝีมือ ความรู้และบุคลิกมากกว่า กระดาษที่รับรองหรือการันตรีจากประเทศใดๆ ไม่สามารถสร้างความได้เปรียบในการสมัครงาน แต่ความรู้ที่หลากหลายเกี่ยวกับกาแฟ เช่นการ คั่วกาแฟ ที่มา และการดริปกาแฟ มีประโยชน์กว่า จะเห็นได้ว่ารุ่นพี่หลายพันคนที่เคยเป็นบาริสต้าออสเตรเลียมาแล้วกลับมาเปิดร้านกาแฟที่ประเทศไทยหลายคน รวมทั้งได้แชมป์โลก latte art coffee roasting aeropress และอีกหลายๆหลายการ
ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่ ไม่ใช้ใบใดๆ อยากให้คนที่จะไปนั้นกลับมาตั้งใจฝึกจริงๆจังๆก่อนตกเป็นเครื่องมือการตลาดทั้งหลาย เรื่องไร่เรื่องเมล็ดก็คนล่ะเรื่อง เรื่องออสเตรเลียก็ต้องฟังบาริสต้าจากออสเตรเลียนะครับ ปัจจุบันมีบาริสต้าคนไทยที่ทำงานในร้านที่ดีที่สุดในเมืองต่างๆในออสเตรเลียกลับมาเปิดร้านกาแฟมากมายจนหลายๆแหล่งในประเทศไทยเริ่มมีมาตราฐานที่สูงกว่าออสเตรเลียในเมืองต่างบางแห่งแล้ว
2. อิทธิพลที่ส่งผลไปทั่วโลก?
เขาว่า ” หากจะเปรียบว่า อุตสาหกรรมกาแฟในออสเตรเลีย นั้นมีระดับแซงหน้าแฟรนไชส์ชื่อดังระดับโลกในไทย ก็คงไม่ไกลเกินจริง เพราะวัฒนธรรมกาแฟของชาวออสซี่ ยังคงเผยแพร่อิทธิพลไปหลายประเทศทั่วโลก วัฒนธรรมกาแฟออสเตรเลียที่ถูกบ่มเพาะความสำเร็จมานาน ก็ได้เฉิดฉายสู่เวทีโลก ร้านกาแฟที่ชาวออสซี่เป็นเจ้าของ กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก เช่น ในลอนดอน – ปารีส – นิวยอร์ก – เบอร์ลิน – ซานฟรานซิสโก ด้วยกรรมวิธีทางเทคนิคและการดำเนินการที่เหนือกว่าอเมริกา จึงทำให้บาริสต้าจากออสเตรเลีย (ไม่จำเป็นต้องออสซี่) เป็นที่ต้องการไม่น้อยในแวดวงกาแฟทั่วโลก”
ความจริงอีกครึ่ง
การชงกาแฟแบบมีมาตราฐานปัจจุบันหลายๆที่เริ่มเป็นสากลมากขึ้น ในประเทศไทยก็ไม่แพ้กันแล้วนะครับ การฝึกที่ประเทศไทยนั้นมีข้อได้เปรียบเรื่องเวลาและต้นทุนวัตถุดิบที่จะใช้ซ้อมมีราคาถุกกว่า อีกทั้งการเตรียมพร้อมก่อนไปนั้นยังเป็นเรื่องดีกว่ามากมาย ตอนนี้มีสถานที่สอนที่ตรากตรำช่วยในการพัฒนาฝีมือนักเรียนหลายแหล่งที่ และผู้สอนก็เคยได้แชมป์หรือเป็น head Barista ออสเตรเลียหลายคน ทั้งนี้ทั้งนั้น ครูที่ดีที่สุดก็คือประสบการณ์ การที่นักเรียนให้เวลาตัวเองมากๆในการฝึกฝนย่อมเป็นใบเซอร์ที่มองไม่เห็นแทบจะการันตรีความสามารถให้ตัวเองได้
3.ใบรับรองการันตีศักยภาพ?
เขาว่า “การเรียนการสอนในออสเตรเลีย ด้านการเป็นบาริสต้ามืออาชีพ จะมีใบรับรองคุณวุฒิระดับสากลและเพียงพอต่อการยืนยันศักยภาพของผู้สำเร็จการศึกษา ว่ามีความเชี่ยวชาญด้านกาแฟแค่ไหน ไม่เพียงแต่เฉพาะเทคนิค กรรมวิธี และการเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ในบางหลักสูตรเชิงลึกของการเรียนบาริสต้าที่นี่ จะมีใบรับรองมากกว่า 1 ใบ ซึ่งจะครอบคลุมไปยังการยึดตามหลักสุขอนามัย เพื่อการประกอบอาหารและการจัดสรรการเงินอีกด้วย เรียกว่าครอบคลุมและคุ้มค่าสุด ๆ”
ปัจจุบันใบเซอร์ที่ทรงคุณค่ามากมายเช่น จาก SCA จากอเมริกาที่ผู้เรียนอาจต้องจ่ายหลายแสนบาทกว่าจะเก็ย skill มาได้ครบแต่กระนั้นก็ยังไม่มีผลต่อการสมัครงานที่ออสเตรเลียอยู่ดี สักยภาพนั้นอยู่ในมือบาริสต้าแล้ว บทพิสูจน์จึงอยู่ในแก้วกาแฟลและการทำงานในหน้างานจริง ประกอบกับคลาสเรียนส่วนใหญ่ที่ออสเตรเลียไม่ได้ลงลึกในเนื้อหาวิชาการ และการปฏิบัติอย่าง intensive เป็นเพียงคลาสเบื้องต้นในการรู้จักเครื่องชงกาแฟเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มรสถาบันจริงจังแบบอเมริกาหรืออิตาลีเลย ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันบาริสต้าหน้าใหม่มักไม่ใช่ชาวต่างชาติมากนักแล้วแต่เป็นคนไทย จีน เกาหลี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เพราะปัจจุบันทั่วทุกมุมโลกมีคลาสสอนกาแฟดีๆมากมายและมีมาตราฐานจากออสเตรเลียทั้งสิ้นอันเป็นอิทธิพลของวีซ่านักเรียนจากนานาชาติที่พยายามเข้าไปเป็นบาริสต้าที่ออสเตรเลียมาช้านาน
4.คลาสเรียนที่ประเทศไทยมีข้อดีกว่ามากมาย กล่าวสั้นๆคือ
- ราคารวมๆนับหารชั่วโมงแล้วถูกกว่ามาก ต้องเอาเวลาฝึกทั้งหมดมาหารค่าคลาสนะครับ
- การเดินทางและข้าวของที่ต้องใช้ในการฝึกฝนราคาไม่แพงเหมือนที่ออสเตรเลีย
- ผู้สอนทุ่มเทและเป็นบาริสต้ามีชื่อเสียงมาจากออสเตรเลียเช่นกัน
- ไม่ต้องแบกความกดดันเพราะมีเวลาฝึกฝน และไม่ต้องแบกค่าเช่าค่ากินหนักๆแบบที่ออสเตรเลีย
- หากมีความตั้งใจ หัดชิมหัดคั่วไปด้วยจะได้ความรู้ลึกๆ แบบคนออสเตรเลียที่ทำงานมาแล้วถึง 6 ปีเชียว