① รินน้ำร้อนลงบนกระดาษกรอง
② ปริมาณน้ำร้อนทั้งหมด ต้องมากกว่าปริมาณผงกาแฟ 15เท่า
③ แบ่งน้ำร้องเป็น40% และ 60% แล้วค่อยชง

กุญแจสำคัญที่ทำให้กาแฟที่ดูใสกลับมีรสชาติกลมกล่อมอยู่ที่ “ความละเอียดของเมล็ดกาแฟบด” ซึ่งแน่นอนการชงกาแฟแบบนี้เทคนิคค่อนข้างยาก แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยสูตร ” 4:6 Method”! ในรูปคือกาแฟละเอียดปานกลาง กับกาแฟบดหยาบ ซึ่งบดให้หยาบประมาณรูปทางขวามือก็เป็นอันใช้ได้ ขั้นต่อไปก็แค่ทำตามวิธีปกติ นั่นคือ การริน และกะปริมาณการรินน้ำร้อน เท่านี้ก็จะได้กาแฟที่มีความใสแต่ได้รสชาติกลมกล่อมออกมา！
น้ำร้อนที่เหลืออีก 60% มีไว้สำหรับปรับระดับ “ความเข้มข้น” กาแฟ

การชงกาแฟ คือการที่สารในเมล็ดกาแฟละลายเจือในน้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการของน้ำร้อน 40% ที่ผ่านมา และกระบวนการต่อจากนี้ เป็นการใช้น้ำร้อนที่เหลือในการปรับระดับความเข้มข้นของกาแฟที่ชงออกมาแล้ว เราจะต้องแบ่งน้ำร้อนออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กันเท่าที่ทำได้ แล้วค่อยๆเททีละส่วนๆ อีกไม่กี่อึดใจก็จะได้กาแฟแสนอร่อยออกมาแล้ว!

ประวัติ
งานเดิมคืออาชีพที่ปรึกษาด้าน IT ตอนนั้นเองไม่สบายเข้าโรงพยาบาล เลยได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางบารีสต้า “เข้าโรงพยาบาลด้วยโรคเบาหวาน ก็เลยต้องแสวงหาเครื่องดื่มที่ดื่มได้ปลอดภัย จนกระทั่งได้คำตอบก็คือ กาแฟ ตอนที่เข้าร.พ.นั้นเองมีเวลาว่างเยอะ ก็เลยเริ่มรวบรวมอุปกรณ์จนได้เซ็ทแรกในชีวิต ลองผิดลองถูกฝึกชงกาแฟด้วยตัวเอง แล้วก็ยังไปเรียนวิธีชงกาแฟจากร้านกาแฟใกล้ๆ ”

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น แม้แต่ร้านกาแฟก็ยังไม่เคยไป แต่พอหลังจากได้เข้าโรงพยาบาล ก็เริ่มสรรหาร้านกาแฟอร่อย และพอกลับบ้านก็ทดลองชงกาแฟเองทุกวันๆ สุดท้าย ก็ลาออกจากงาน แล้วตัดสินใจที่จะเป็นบารีสต้าเต็มตัว

“จริงๆ แล้วตั้งแต่เข้าร.พ. มุมมองในการใช้ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน เข้าใจเลยว่า ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรู้ว่าตัวเองจะล้มป่วยวันไหน ดังนั้นเราต้องทำในสิ่งที่ชอบก่อนที่ทุกอย่างมันสายเกินไป พอมาคิดว่าแล้วเราชอบอะไรล่ะ สิ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดเป็นอย่างแรกเลยก็คือ กาแฟ”

ที่มา:https://www.tokyu-hands.co.jp/…/cat8332/coffee-champion.html